ปัจจุบันเกษตรกรมีการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันศัตรูพืช หรือเร่งผลผลิตกันอย่างแพร่หลาย
แต่มีอีกหลายคนที่ตระหนักถึงพิษภัยของสารเคมีที่ตกค้างในผลผลิตและสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ในระยะยาว เกษตรอินทรีย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายภาคส่วนให้ความสำคัญ
เฉกเช่นเดียวกับที่ บ้านทุ่งต้อม หมู่ 5 ต.ศรีดอนไชย อ.เทิง จ.เชียงราย ที่มีการร่วมแรงร่วมใจรวมกลุ่มจัดตั้ง “ข่วงผญาทุ่งต้อม เกษตรอินทรีย์วิถีพุทธ” ขึ้น
“ข่วงผญาทุ่งต้อม เกษตรอินทรีย์วิถีพุทธ” เกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชน ที่จะเดินตามรอยพ่อหลวง ร.9 มีการ น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ โดยนำหลัก “บ–ว–ร” หรือ บ้าน วัด โรงเรียน (ราชการ) มาพัฒนาชุมชน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการระลึกถึงคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่น
โดยมี พระครูสมุห์เจษฎา ฐิตสทฺโท เจ้าอาวาสวัดทุ่งต้อม เป็นศูนย์รวมจิตใจความสามัคคี และตั้งใจจะสร้างตลาดเกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งต้อมให้เป็นแหล่งซื้อขายผลผลิตที่ปลอดภัยของชุมชนและผู้บริโภค
นายธรรมนูญ แจ่มศรี เกษตรและสหกรณ์ จ.เชียงราย บอกว่า “เกษตรอินทรีย์” เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ทุกหน่วยงานในสังกัดจะบูรณาการขับเคลื่อนเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
“หน่วยงานในสังกัดจึงเห็นชอบร่วมกันในการคัดเลือก บ้านทุ่งต้อม เป็นชุมชนต้นแบบเกษตรอินทรีย์ และได้จัดทำโครงการ พัฒนาชุมชนเกษตรอินทรีย์ มีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้เกษตรวิถีใหม่
เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตเกษตรอินทรีย์ของชุมชน พัฒนาตลาดชุมชนเกษตรอินทรีย์ให้เป็นจุดซื้อขายผลผลิต รวมถึงเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์ สร้างเศรษฐกิจฐานราก และพัฒนาให้เป็นต้นแบบชุมชนเกษตรอินทรีย์ที่มีความยั่งยืน
เกษตรอินทรีย์เป็นทางรอดของเกษตรกรไทย การไม่ใช้สารเคมีทางเกษตรนอกจากจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นการลดต้นทุน เพิ่มรายได้อีกด้วย.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
แสดงความคิดเห็น