สมาชิกสหกรณ์เชียงแสน กว่า 20 ราย โร่แจ้งตำรวจ ไม่ได้กู้แต่กลับมียอดเงินกู้เพิ่ม รวมกว่า 3 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 10 มิถุนายน 63 มีสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเชียงแสน จ.เชียงราย จำนวน 22 ราย เข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.วชิระ อินทะรังษี สว.(สอบสวน) สภ.เชียงแสน ว่าทั้งหมดเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเชียงแสน ที่ตั้งอยู่บ้านป่าสักน้อย ม.3 ต.ป่าสัก หลังจากมีคนร้ายได้ปล้นเงินจากพนักงานบัญชีสหกรณ์การเกษตรเชียงแสน ขณะที่มาเบิกเงินจากธนาคารกรุงเทพ สาขาเชียงแสน ไป 1,050,000 บาท เมื่อวันที่ 18 พ.ค.63 ที่ผ่านมา และตำรวจจับตัวคนร้ายได้ เคยเป็นพนักงานฝ่ายสินเชื่อของสหกรณ์การเกษตรเชียงแสน ที่ถูกพักงานไปได้ไม่นาน ต่อมาทางสหกรณ์ได้มีการประชุมสมาชิกและแจ้งยอดที่ได้กู้ไปให้สมาชิกรับทราบ ปรากฏว่าแต่ละคนมียอดเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นหลายคน บางคนเพิ่มหลายหมื่นบาท จนถึง 1 แสนบาท แต่พอสอบถามทางสหกรณ์ก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงนัดรวมตัวกันมาแจ้งความ
นางนภัสสร จองป้าว อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 113 ม.11 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า พวกตนทั้ง 22 ราย มียอดเสียหายรวมกันประมาณ 3,603,287 บาท อย่างรายของตน ตนกู้เงินสหกรณ์ไป 50,000 บาท ตามยอดที่มีลงในสมุดเงินกู้ของตน แต่พอไปตรวจสอบที่สหกรณ์ ปรากฏว่าตนมียอดเงินกู้ 100,000 บาท ทั้งที่ในสมุดกู้เงินมีเพียง 50,000 บาท ซึ่งตนได้ทำเรื่องกู้เงินจากสหกรณ์โดยไม่มีหลักทรัพย์ จะกู้ได้สูงสุดได้ไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท โดยต้องใช้ผู้ค้ำประกันถึง 2 คน แต่พอรู้ว่าเป็นหนี้เพิ่มอีก 50,000 บาท รวมเป็น 100,000 บาท ยิ่งเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งสมุดเงินกู้ของตนก็มีเพียงเลข 50,000 บาท
ขณะที่นายนเรศ ภิระบรรณ์ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 118 ม.11 ต.ป่าสัก อีกหนึ่งผู้เสียหายได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สหกรณ์การเกษตรเชียงแสนว่าให้ไปชำระหนี้ 50,000 บาท ต่อมาวันที่ 6 มิ.ย. ตนได้ไปทำสัญญาไว้จำนวน 4 สัญญา คงเหลือหนี้ที่ค้างชำระเป็นเงิน 157,147 บาท ปรากฏว่าจากการตรวจสอบพบเป็นหนี้เพิ่มอีก 50,000 บาท
ด้านนายนรินทร์ ทารัตน์ ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์การเกษตรเชียงแสน หลังทราบข่าวได้เดินทางมาที่ สภ.เชียงแสน พบกับสมาชิกสหกรณ์ ได้เปิดเผยว่าหลังที่ได้รับทราบข้อมูลจากบรรดาสมาชิกสหกรณ์ในเรื่องยอดเงินกู้ของแต่ละรายเพิ่มขึ้น บางรายสมาชิกเบิกเงินไปปิดบัญชี กับกลายเป็นหนี้เพิ่มอีก ต้องมีการตรวจสอบ ว่าเรื่องเงินกู้ของสมาชิก มียอดเงินกู้เพิ่มได้อย่างไร ทั้งที่เจ้าของไม่ได้กู้ ตนเชื่อว่ายอดเงินกู้ของสมาชิกที่เพิ่มขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ใครที่เกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง
ทางด้าน พ.ต.ท.วชิระ กล่าวว่าหลังจากรับเรื่องของผู้เสียหายทั้ง 22 ราย ตนก็จะแบ่งให้พนักงานสอบสวนของ สภ.รับผิดชอบสอบสวนผู้เสียหาย 5 ราย เพื่อเป็นการช่วยกันทำงานบริการผู้เสียหายได้เร็วขึ้น ในเบื้องต้นจะเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ หากสอบพบว่าข้อมูลไปถึงผู้ใด คงต้องออกหนังสือแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนต่อไป

ภาพ/ข่าว ThairathChiangrai

Post a Comment

ใหม่กว่า เก่ากว่า